เกี่ยวกับ ฟลูออโรพลาสติก(เทฟลอน™)

ฟลูออโรพลาสติก (Fluoroplastics)คือชื่อเรียกทั่วไปของสารพลาสติกที่มีอะตอมฟลูออรีนเป็นส่วนประกอบ
แบ่งออกได้ 9ชนิดโดยชนิดที่เป็นที่นิยมและรู้จักกันเป็นอย่างดีคือ พอลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน(Polytetrafluoroethylene: PTFE)และ เพอร์ฟลูออโรแอลคอกซี แอลเคน (Perfluoro alkoxy alkane: PFA)
ฟลูออโรพลาสติกเป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษในด้านการทนความร้อน ความเรียบลื่น การไม่เกาะติด ทนต่อสารเคมี แรงเสียดทานต่ำ และเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดีเยี่ยม (ไม่นำไฟฟ้า)
ซึ่งพลาสติกเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม และยังเป็นกุญแจสำคัญของโลกอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมอาหาร, เคมีภัณฑ์, เซมิคอนดักเตอร์, แอลซีดี, อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ และการขนส่ง เป็นต้น
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ฟลูออโรพลาสติกคือ เทฟลอน (Teflon™) แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทฟลอน (Teflon™) คือชื่อทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ฟลูออ โรพลาสติกของ บริษัทเคมัวร์ (Chemours™)

Teflon™(เทฟลอน) คืออะไร

ฟลูออโรพลาสติก

Teflon™(เทฟลอน) เป็นชื่อเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของสารฟลูออโรพลาสติกที่ผลิตโดยบริษัทเคมัวร์ (Chemours)
ซึ่งดร.รอย พลันเค็ต(Dr. Roy Plunkett) ได้ค้นพบ Teflon™(เทฟลอน) ในปี 1938 ที่บริษัทดูปองท์ สหรัฐอเมริกา
โดยในขณะนั้น ดร.พลันเค็ต กำลังค้นหาสารทำความเย็นใหม่ ๆ เขาจึงได้ทดลองเก็บก๊าซเตตระฟลูออโรเอทิลีน (Tetrafluoroethylene: TFE) ในภาชนะแรงดัน
แต่แล้วในวันหนึ่งเมื่อเขาเปิดฝาภาชนะ และไม่พบก๊าซที่เก็บไว้ เขาจึงผ่าครึ่งภาชนะดังกล่าวเพื่อตรวจดูสิ่งที่อยู่ภายใน และพบว่าผนังด้านในของภาชนะถูกปกคลุมด้วยผงสีขาว
และนั่นคือการค้นพบของสาร PTFE
ซึ่งสมุดบันทึกการทดลองของ ดร.พลันเค็ต ในวันนั้น ยังถูกเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้ที่บริษัทดูปองท์
PTFE ถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์ทางการทหารในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และหลังจากนั้นในปี 1945 ดูปองท์ได้จดทะเบียน PTFE ในชื่อทางการค้าว่า Teflon™(เทฟลอน) จนกระทั่งปี 1946 จึงเริ่มผลิตและทำการตลาดสำหรับสินค้า Teflon™(เทฟลอน) เพื่อผู้บริโภค ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆได้มีการนำ Teflon™(เทฟลอน)มาใช้ในวงกว้างขึ้น
และในปี 2015 ได้มีการย้ายสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า Teflon™(เทฟลอน)จากดูปองท์มาเป็นของบริษัทเคมัวร์ (Chemours) มาจนถึงปัจจุบัน
และด้วยประสบการณ์รวมถึงผลงานที่ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการผลิตผลิตภัณฑ์ฟลูออโรพลาสติกมามากกว่า 50 ปี ของบริษัทเรา ทำให้บริษัท Chukoh Chemical Industries, Ltd.ได้ลงนามกับทางบริษัทเคมัวร์ (Chemours)ในข้อตกลงเรื่องการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า Teflon™ สำหรับผลิตภัณฑ์เทปกาวฟลูออโรพลาสติก ( เทป Chukoh ) อย่างเป็นทางการ

Teflon™(เทฟลอน)

Teflon™ เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัท The Chemours FC, LLC โดยบริษัท Chukoh Chemical industries, LTD.ใช้ภายใต้เงื่อนไขใบอนุญาต


ประเภทและชื่อของฟลูออโรพลาสติก

ฟลูออโรพลาสติกมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 ชนิด รวมถึง PTFE และ PFA ตามตารางที่แสดงด้านล่าง

ชื่อย่อชื่อเรียก
PTFEพอลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน (Polytetrafluoroethylene)
PFAเพอร์ฟลูออโรแอลคอกซี แอลเคน (Perfluoroalkoxy alkane)
FEPฟลูออริเนด เอทิลีน โพรพิลีน (Fluorinated Ethylene Propylene)
ETFEเอทิลีนเตตระฟลูออโรเอทิลีน (Ethylene Tetrafluoro Ethylene)
PVDFโพลิไวนิลลิดีน ฟลูออไรด์ (Polyvinylidene Fluoride)
PCTFEพอลิโคโรไตรฟลูออโรเอทิลีน (Polychlorotrifluoro Ethylene)
ECTFEเอทิลีนิโคโรไตรฟลูออโรเอทิลีน (Ethylene Chlorotrifluoro Ethylene)
TFE/PDDเตตระฟลูออโรเอทิลีน เพอร์ฟลูออโรไดเมทิเลไดออกโซล (Tetrafluoroethylene/Perfluorodimethyledioxole)
PVFโพลิไวนิล ฟลูออไรด์ (Polyvinyl Fluoride)

เรซินที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายคือ PTFE และที่คนส่วนมากมักเรียกกันว่าสารTeflon™(เทฟลอน)แต่แท้จริงแล้วสารนั้นคือสาร PTFE นั่นเอง


คุณสมบัติของฟลูออโรพลาสติก

ฟลูออโรพลาสติกมีคุณสมบัติที่สำคัญ 7 ประการ คือ การทนความร้อน, ทนความเย็น ,ไม่เกาะติด, มีความเรียบลื่น, ทนสารเคมี, เป็นฉนวนไฟฟ้า และทนต่อสภาพอากาศ เนื่องจากฟลูออโรพลาสติก เป็นพลาสติกเรซินหายากที่รวมคุณสมบัติพิเศษจำนวนมากไว้ในพลาสติกตัวเดียว ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็น “เรซิน ปราการสุดท้าย” จากผลิตภัณฑ์เรซินทั้งหมด

1.การทนความร้อน

เนื่องจาก PTFE สามารถทนความร้อนได้มากกว่าพลาสติกชนิดอื่นๆโดยมีจุดหลอมเหลวที่ 380 ° C และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องที่ 260℃ จึงจำเป็นอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตชิ้นส่วนภายในรถยนต์และกระบวนการผลิตอาหาร ที่ไม่ต้องการให้พลาสติกเสื่อมสภาพแม้อยู่ในสภาวะที่มีความร้อนสูง
* ระดับความสามาถในการทนความร้อนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูป โปรดตรวจสอบก่อนใช้งาน

 

2.การทนความเย็น

เนื่องจาก PTFE สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ถึง -253 ° C ทำให้ถึงแม้จะผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ฟลูออโรพลาสติกแล้ว ก็ยังสามารถคงคุณสมบัติความทนทานต่อความหนาวเย็น โดยสามารถใช้ได้แม้ในอุณหภูมิที่ -100 ° C ก็ตาม
* ระดับความสามาถในการต้านทานความเย็นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูป โปรดตรวจสอบก่อนใช้งาน

 

3.ไม่เกาะติด (ไม่เหนียวติด) – Non-stick

ฟลูออโรพลาสติกมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ จะไม่มีวัตถุใดๆ สามารถเกาะติดสารชนิดนี้ได้ กล่าวคือ มีคุณสมบัติในการลอกออกที่ดีเยี่ยม เพราะถึงแม้มีวัตถุมาเกาะติดสารชนิดนี้ ก็สามารถลอกออกได้ในทันที และเนื่องจากมีคุณสมบัติที่ไม่เกาะติด จึงเหมาะกับกระบวนการผลิตอาหารหรืออุปกรณ์ในเครื่องพิมพ์ นอกจากนี้ยังสามารถลดขั้นตอนในการทำความสะอาดจากคุณสมบัติการไม่เกาะติดนี้อีกด้วย。

 

4.มีความลื่นสูง

ฟลูออโรพลาสติกมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำที่สุดในบรรดาของแข็งทั้งหมด จึงแทบจะไม่มีความต้านทานแรงเสียดทานบนพื้นผิว เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการพื้นผิวที่มีความเรียบลื่นในกระบวนการผลิตหรือการลำเลียงที่ต้องการความลื่นแต่ไม่ต้องการให้เกิดรอยขีดข่วน

 

5.ทนสารเคมี

เนื่องจากฟลูออโรพลาสติกจะไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีและตัวทำละลายเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่เกิดการเจือปนแม้สัมผัสกับกรดหรือด่างที่มีความเข้มข้น เหมาะกับการนำไปใช้ในอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์เป็นอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ฟลูออโรพลาสติกจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น แผ่นเวเฟอร์ , ท่อ , หลอด, ภาชนะใส่สารละลายเคมี เป็นต้น

 

6.มีความเป็นฉนวนไฟฟ้า (ไม่นำไฟฟ้า)

ฟลูออโรพลาสติกมีค่าคงที่ไดอิเล็กตริกและการสูญเสียแทนเจนต์ไดอิเล็กตริกที่ต่ำที่สุด ทำให้มีระดับการเป็นฉนวนที่สูงที่สุดในบรรดาพลาสติกทั้งหมด นอกจากนี้ความถี่และอุณหภูมิยังไม่มีผลกระทบใดๆต่อพลาสติกชนิดนี้ จึงมีการใช้ฟลูออโรพลาสติกกันอย่างแพร่หลายในงานประเภทอุปกรณ์การสื่อสารความเร็วสูงขนาดใหญ่ในย่านความถี่สูง


7.ทนต่อสภาพอากาศ (ทนต่อแดดกลางแจ้ง)

ฟลูออโรพลาสติกยังสามารถใช้งานได้ดี แม้ในสภาวะที่โดนแสงอัลตราไวโอเลต แสงที่ตามองเห็นหรือความชื้น พลาสติกหลายชนิดจะเสื่อมสภาพลงเมื่อวางไว้กลางแจ้งเป็นเวลาหลายปี แต่ฟลูออโรพลาสติกแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของสารเคมีหรือออกซิเจนที่อยู่ในอากาศ ทำให้พลาสติกชนิดนี้ยังคงมีความแข็งแรงและไม่เสื่อมสภาพ สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 30 ปี นอกจากนี้ฟลูออโรพลาสติกยังมีคุณสมบัติในการกันน้ำ ทำให้เหมาะกับการใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา วัสดุปูผนัง วัสดุปิดซีลในงานก่อสร้างต่างๆ

แผ่นเมมเบรนฟลูออโรพลาสติก SKYTOP™ จากบริษัทของเรา ได้ถูกนำไปใช้เป็นวัสดุมุงหลังคาสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย)


ประวัติของฟลูออโรพลาสติก

ปีบริษัทผู้ผลิตเหตุการณ์
1937L.G.Farbenค้นพบ PCTFE
1938DuPontค้นพบ PTFE
1940DuPontเริ่มการผลิต PTFE เชิงอุตสาหกรรม
1948DuPontค้นพบ PVDF
1950DuPontเริ่มการผลิต PVDF อย่างจริงจัง
1954Daikin Industries, Ltd.เริ่มการผลิต PCTFE เชิงอุตสาหกรรม
1955Daikin Industries, Ltd.เริ่มการผลิต PTFE เชิงอุตสาหกรรม
19573MCompanyได้รับอนุญาตผลิต PCTFE
1959DuPont-Nittou Chemical Industries,Ltd.เริ่มการผลิต PTFE
1962Daikin Industries, Ltd.เริ่มการผลิต FEP เชิงอุตสาหกรรม
1965Penwaltเริ่มการผลิต PVDF
1970KUREHA CORPORATIONเริ่มการผลิต PVDF เชิงอุตสาหกรรม
1972DuPontเริ่มการผลิต ETFE เชิงอุตสาหกรรม
DuPontเริ่มการผลิต PFA เชิงอุตสาหกรรม
Asahi Glass Co.,Ltd.เริ่มการผลิต ETFE เชิงอุตสาหกรรม
1976Du Pont-Mitsui Fluorochemicals Company, Ltd.เริ่มการผลิต PFA
1982Daikin Industries, Ltd.เริ่มการผลิต PFA เชิงอุตสาหกรรม
1983Asahi Glass Co.,Ltd.เริ่มการผลิต PTFE
1986Du Pont-Mitsui Fluorochemicals Company, Ltd.เริ่มการผลิต FEP
1987Asahi Glass Co.,Ltd.เริ่มการผลิต PFA เชิงอุตสาหกรรม
1988แต่ละบริษัทเริ่มการผลิต ฟลูออโรพลาสติกแบบอ่อนนุ่ม อย่างจริงจัง
1989Asahi Glass Co.,Ltd.ขยายการผลิต สีของพอลิฟลูออโรพลาสติกให้ทนต่อสภาพอากาศ
1994Du Pont-Mitsui Fluorochemicals Company, Ltd.
Daikin Industries, Ltd.
ขยายการผลิต PTFE แบบดัดแปลง
1996Du Pont-Mitsui Fluorochemicals Company, Ltd.เริ่มการผลิต PFA แบบใหม่สำหรับตลาดอุปกรณ์กึ่งตัวนำอย่างจริงจัง
2004Asahi Glass Co.,Ltd.ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลฟลูออโรพลาสติก
2006KUREHA CORPORATIONขยายการผลิต PVDF เรซิน

คุณสมบัติของ PTFE

โครงสร้างทางโมเลกุลของ PTFE ทำให้เรซินนี้มีคุณสมบัติที่หลากหลาย

 สูตรโครงสร้างโครงสร้างสามมิติ
PEPEPE
PTFEPTFEPTFE

โดยเมื่อเปรียบเทียบ โครงสร้างโมเลกุลของโพลิเอทิลีน (PE) และฟลูออโรพลาสติก (PTFE) จะเห็นว่าโครงสร้างโมเลกุลของ PE ประกอบด้วยคาร์บอน (C) และไฮโดรเจน (H) ในขณะที่ PTFE ประกอบด้วยคาร์บอน (C) และฟลูออรีน (F) และถึงแม้ว่าทั้งสองโมเลกุลมีพันธะ C-C เหมือนกัน แต่จะต่างกันในส่วนของพันธะคาร์บอนและไฮโดรเจน (C-H) และพันธะคาร์บอนและฟลูออรีน (C-F) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างพันธะ C-H กับพันธะ C-F จะพบว่าพันธะ C-F นั้นมีพลังงานยึดเหนี่ยวสูงกว่า จึงต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำลายพันธะ C-F จึงเป็นเหตุให้ PTFE มีคุณสมบัติที่ทนทานและเสื่อมสภาพยาก


คุณสมบัติที่ 1ทนความร้อน ทนไฟ (ทนต่อปฏิกิริยาออกซิเดชัน) และทนต่อสภาพอากาศ

จากพลังงานยึดเหนี่ยวสูงของคาร์บอนและฟลูออรีน (C-F) ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น สามารถกล่าวได้อีกทางหนึ่งว่า สารชนิดนี้ “จะไม่เสื่อมสภาพง่าย เว้นแต่จะใช้พลังงานจำนวนมากในการสลายพันธะ” นอกจากนี้ อะตอมของฟลูออรีนยังมีขนาดใหญ่กว่าอะตอมไฮโดรเจน ทำให้อะตอมของฟลูออรีน (F) ที่อยู่รอบพันธะ(C-C)มีการยึดติดพันธะกันแน่นและทำให้ความยาวพันธะสั้นลง จากโครงสร้างของโมเลกุลนี้ทำให้ PTFE ทนความร้อน ทนไฟ (ทนต่อปฏิกิริยาออกซิเดชัน)

 พลังงานพันธะ[kJ/mol]ความยาวพันธะ〔nm〕
C-H พันธะ(สำหรับCH4412(CH4)0.110(CH4)
C-Fพันธะ(สำหรับCF4)484(CF4)0.138(CH3F)

คุณสมบัติที่ 2ไม่เกาะติดผิว กันน้ำและกันน้ำมัน

PTFE มีโพลาไรซ์ของพันธะ C-F เล็กพอๆกับพันธะ C-H (Polarizability คือความสามารถทำให้เกิดขั้ว หรือความง่ายในการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนเมื่อวางในสนามไฟฟ้า) เมื่อ “โพลาไรซ์มีขนาดเล็ก” นั่นหมายถึงแรงที่กระทำระหว่างโมเลกุลมีน้อย (แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลอ่อน) ดังนั้นพลังงานอิสระ (แรงตึงผิว) ของพื้นผิวจึงทำงาน และทำให้สารเกาะติดกันได้ยาก ซึ่งจากโครงสร้างของโมเลกุลดังกล่าวทำให้ PTFE มีคุณสมบัติในการไม่เกาะติดผิว กันน้ำและกันน้ำมันที่ดีเยี่ยม

ประเภทสารมุมสัมผัสกับน้ำ [มุม]พลังงานในการยึดติด [dyn/cm]
PTFE11443.1
ซิลิโคน90 ~ 11047.8 ~ 72.7
PE8875.2

คุณสมบัติที่ 3เป็นฉนวนไฟฟ้า

เนื่องจากพันธะ C-F ของ PTFE มีแรงยึดเหนี่ยวของอะตอมสูงและสามารถจำกัดอิเล็กตรอนในโมเลกุลได้อย่างแน่นหนา จึงทำให้ PTFE มีความต้านทานฉนวน (ความต้านทานเชิงปริมาตร ความต้านทานพื้นผิว) สูงและมีคุณสมบัติในการนำไฟฟ้าได้ยาก

 ความต้านทานไฟฟ้าเชิงปริมาตร (Ω・cm)ความต้านทานพื้นผิว(Ω)
PTFE>1018>1016
PFA>1018>1016

วิธีการขึ้นรูป PTFE

PTFE มีระดับความหนืดขณะหลอมอยู่ที่1010~12Pa・sec ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่สูงมาก ทำให้ถึงแม้ในจุดหลอม380℃ก็ไม่เกิดการไหลของสาร (ไม่มีการละลายแบบเหนียวเหนอะหนะ) ทำให้ PTFE ไม่เหมาะกับการขึ้นรูปในลักษณะสกรูหรือการฉีดขึ้นรูป แบบที่พลาสติกทั่วๆไปขึ้นรูปกัน เราสามารถแบ่ง PTFE ได้เป็น 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทจะใช้วิธีการขึ้นรูปพิเศษที่แตกต่างจากวิธีการขึ้นรูปทั่วไป

■ แบบผงขึ้นรูป หรือ Molding powder

โดยผงที่ใช้ในการขึ้นรูปจะเป็นผงขนาดประมาณ 100μmหรือน้อยกว่า
ซึ่งการขึ้นรูปลักษณะนี้จะเป็นการขึ้นรูปโดยการบีบอัด และกดเรซินให้แน่น หลังจากนั้นนำไปเผา ทำให้เหมาะกับการนำไปผลิตหรือขึ้นรูปบล็อกเช่น แผ่นหรือถัง(แทงค์)
นอกจากนี้ยังสามารถอัดเรซินให้เป็นทรงกระบอก และตัดไดคัทที่ภายนอกของกระบอกเพื่อทำเป็นลักษณะฟิล์มได้เช่นกัน

■ แบบผงละเอียด หรือFine powder

เป็นการนำผงละเอียดขนาดเล็กมาบีบอัดให้เป็นเส้นใย
เมื่อนำมาผสมกับสารละลาย และทำการอัดขึ้นรูป ด้วยวิธี paste extrusion
จะสามารถขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ท่อ , เทปพันเกลียวได้

■ แบบดิสเพอร์ชั่นหรือการกระจายตัว (dispersion)

เป็นการอิมัลชั่น(emulsion) หรือการทำให้ของเหลว 2 ชนิดสามารถรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันได้ โดยผ่านกลไกดิสเพอร์ชั่นคือการทำให้สารแตกตัวหรือกระจายตัวในน้ำด้วยสารลดแรงตึงผิว เพื่อให้สารมีความเสถียร เช่น การเคลือบผ้าด้วยการจุ่มน้ำยาดิสเพอร์ชั่น ผ่านกระบวนการทำให้แห้งและนำไปอบ เป็นต้น สำหรับบริษัทจูโค เรามีผลิตภัณฑ์ Skytop™ วัสดุเมมเบรนผ้าใบมุงหลังคา ที่ใช้วิธีเคลือบPTFEลงบนผ้าใยแก้ว เช่นกัน

ประเภทของเรซินวิธีการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ที่นำมาผลิต
ผงขึ้นรูปวิธีการอัดรีดขึ้นรูป/ ram extrusion
ผงละเอียดวิธีการPaste extrusion / วิธีการอัดรีดขึ้นรูป
ดิสเพอร์ชั่นวิธีการเคลือบ



ผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปฟลูออโรพลาสติก นอกเหนือจาก PTFE

สำหรับฟลูออโรเรซินที่ไม่ใช่ PTFE เช่น PFA.ETFE จะมีระดับความหนืดอยู่ที่ประมาณ 103~4Pa・sec
จึงสามารถใช้วิธีการขึ้นรูปในลักษณะเดียวกับเทอร์โมพลาสติกทั่วไป อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากฟลูออโรเรซินที่หลอมเหลวแล้วสามารถกัดกร่อนโลหะที่สัมผัสกับฟลูออโรเรซินได้ จึงจำเป็นต้องใช้วัสดุโลหะที่ทนต่อการกัดกร่อนในกระบวนการขึ้นรูป



[อ้างอิง]
・JFIA [Fluorine resin Handbook]


ติดต่อเรา

ทางเรายินดีให้บริการ ท่านสามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือขอเอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ

02-011-7144

เวลาทำการ : จันทร์– ศุกร์:8:00~17:00 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)